ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ(MIS)
MIS (Management Information
System)
MIS คืออะไร
ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (Management Information System) หรือ MIS คือระบบที่ให้สารสนเทศที่ผู้บริหารต้องการ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะรวมทั้ง สารสนเทศภายในและภายนอก สารสนเทศที่เกี่ยวพันกับองค์กรทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งสิ่งที่คาดว่าจะเป็นในอนาคต นอกจากนี้ระบบเอ็มไอเอสจะต้อง ให้สารสนเทศ ในช่วงเวลาที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการวางแผนการควบคุม และการปฏิบัติการขององค์กรได้อย่างถูกต้องแม้ว่าผู้บริหารที่จะได้รับประโยชน์จาก ระบบเอ็มไอเอสสูงสุดคือผู้บริหารระดับกลาง แต่โดยพื้นฐานของระบบเอ็มไอเอสแล้ว จะเป็นระบบที่ สามารถสนับสนุนข้อมูลให้ ผู้บริหารทั้งสามระดับ คือทั้งผู้บริหารระดับต้น ผู้บริหารระดับกลาง และผู้บริหารระดับสูง โดยระบบเอ็มไอเอสจะให้รายงาน ที่สรุปสารสนเทศซึ่งรวบรวมจากฐานข้อมูลทั้งหมดของบริษัท จุดประสงค์ ของรายงานจะเน้นให้ผู้บริหารสามารถมองเห็นแนวโน้ม และภาพรวม ขององค์กรในปัจจุบัน รวมทั้งามารถควบคุมและตรวจสอบงานของระดับปฏิบัติการด้วย อย่างไรก็ดี ขอบเขตของรายงาน จะขึ้นอยู่กับ ลักษณะของสารสนเทศ และจุดประสงค์การใช้งาน โดยอาจมีรายงานที่ออกทุกคาบระยะเวลา (เช่น งบกำไรขาดทุนหรืองบดุล) รายงานตามความต้องการ หรือรายงานตามสภาวะการณ์หรือเหตุผิดปกติ
MIS คืออะไร
ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (Management Information System) หรือ MIS คือระบบที่ให้สารสนเทศที่ผู้บริหารต้องการ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะรวมทั้ง สารสนเทศภายในและภายนอก สารสนเทศที่เกี่ยวพันกับองค์กรทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งสิ่งที่คาดว่าจะเป็นในอนาคต นอกจากนี้ระบบเอ็มไอเอสจะต้อง ให้สารสนเทศ ในช่วงเวลาที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจในการวางแผนการควบคุม และการปฏิบัติการขององค์กรได้อย่างถูกต้องแม้ว่าผู้บริหารที่จะได้รับประโยชน์จาก ระบบเอ็มไอเอสสูงสุดคือผู้บริหารระดับกลาง แต่โดยพื้นฐานของระบบเอ็มไอเอสแล้ว จะเป็นระบบที่ สามารถสนับสนุนข้อมูลให้ ผู้บริหารทั้งสามระดับ คือทั้งผู้บริหารระดับต้น ผู้บริหารระดับกลาง และผู้บริหารระดับสูง โดยระบบเอ็มไอเอสจะให้รายงาน ที่สรุปสารสนเทศซึ่งรวบรวมจากฐานข้อมูลทั้งหมดของบริษัท จุดประสงค์ ของรายงานจะเน้นให้ผู้บริหารสามารถมองเห็นแนวโน้ม และภาพรวม ขององค์กรในปัจจุบัน รวมทั้งามารถควบคุมและตรวจสอบงานของระดับปฏิบัติการด้วย อย่างไรก็ดี ขอบเขตของรายงาน จะขึ้นอยู่กับ ลักษณะของสารสนเทศ และจุดประสงค์การใช้งาน โดยอาจมีรายงานที่ออกทุกคาบระยะเวลา (เช่น งบกำไรขาดทุนหรืองบดุล) รายงานตามความต้องการ หรือรายงานตามสภาวะการณ์หรือเหตุผิดปกติ
ตัวอย่างของระบบ MIS ภายในโรงเรียน
ระบบสนับสนุนการตัดสิน
(DSS)
(DSS : Decision Support Systems)
DIS คืออะไร
ระบบสนับสนุนการตัดสิน (DSS : Decision Support Systems) เป็นระบบที่เป็นการทำงานแบบกึ่งโครงสร้าง
มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกในการจัดรูปแบบข้อมูลการนำมาใช้และการรายงานข้อมูลเพื่อที่จะใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ
ของผู้บริหารระดับต่าง ๆ (ประสงค์ ประณีตพลกรังและคณะ. 2541 ; 16) ในระดับนี้จำเป็นต้องอาศัยสารสนเทศจาก TPS และ MIS
แบบสรุปมาใช้ประกอบการตัดสินใจ DSS แตกต่างจากระบบอื่น
ๆ คือ เป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นต่อการตัดสินใจ
และมีการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์ต่าง ๆ
เป็นระบบที่สนับสนุนความต้องการเฉพาะของผู้บริหารแต่ละคนข้อแตกต่างระหว่าง DSS
กับ MIS มีดังนี้
MIS สามารถให้สารสนเทศได้เฉพาะสารสนเทศที่มีอยู่แล้ว
ไม่สามารถจัดสารสนเทศใหม่ทันทีทันใด MIS ใช้กับปัญหาแบบมีโครงสร้าง
เช่น ในระบบสินค้าคงคลังเมื่อไรจึงจะสั่งวัตถุเพิ่ม และต้องสั่งเท่าไร
ซึ่งเป็นลักษณะของปัญหาที่เกิดประจำในระดับปฏิบัติการ การตัดสินในจะขึ้นอยู่กับความต้องการในการผลิต
ราคาต้นทุนวัตถุดิบและตัวแปรอื่น ๆ ที่ต้องใช้ในระบบสินค้าคงคลัง
DSS ได้ถูกออกแบบเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาแบบกึ่งโครงสร้างปัญหาแบบไม่มีโครงสร้าง
ปัญหาแบบกึ่งโครงสร้างซึ่งเป็นปัญหาที่ส่วนเป็นแบบมีโครงสร้าง และส่วนหนึ่งเป็นแบบไม่มีโครงสร้าง
เช่น ความต้องการปรับปรุงคุณภาพการส่งสินค้าของพ่อค้า ปัญหาแบบมีโครงสร้างได้แก่
การเปรียบเทียบสารสนเทศในการส่งของอย่างตรงเวลาของพ่อค้า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถได้ข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลของ MIS และปัญหาแบบไม่มีโครงสร้างได้แก่ สถานการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถส่งสินค้าได้
เกี่ยวกับนโยบายการสั่งซื้อสินค้า ราคาสินค้า และอื่น ๆ ปัญหาดังกล่าวต้องใช้ DSS
ช่วยในการสนับสนุนการตัดสินใจ นอกจากนี้ DSS จะอยู่ในรูปแบบที่ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้บริหารแต่ละคน
เป็นระบบที่ถูกแบบขึ้นมาเพื่อช่วยผู้บริหารใน การตัดสินใจ ภายใต้ผลสรุป
และเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ
ทั้งภายในและภายนอกแหล่งข้อมูลภายในเป็นข้อมูลที่ได้มาจากฐานข้อมูลภายในองค์กร
เช่น การขาย การผลิต ฐานะทางการเงิน
ขององค์กร
แหล่งข้อมูลภายนอก ได้แก่ กระแสการเงิน กระแสการลงทุนในตลาดหุ้น ภาวะเศรษฐกิจ
ข้อมูลของบริษัทคู่แข่ง DSS มักจะใช้ภาษาสืบค้น (Query
Language) ใช้การวิเคราะห์ทางสถิติ ใช้ภาพกราฟิก
เพื่อให้ผู้บริหารได้รับสารสนเทศที่ต้องการจริง ๆ ช่วยในการตัดสินใจ
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยผู้บริหารสร้างตัวแบบ (Model)ของตัวแปรต่าง
ๆ ที่จะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจ ซึ่งตัวแบบนี้ถ้าเปลี่ยน ตัวแปร 1 ตัวหรือมากกว่า จะทำให้ผลกระทบเปลี่ยนไปโดยตัวแบบจะรวมเอาแฟคเตอร์ (Factor)
ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาเปรียบเทียบ
ผลที่เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้บริหารทำการตัดสินใจ ตัวแบบที่สร้างขึ้นง่ายต่อการใช้
การดึงข้อมูลและการทำรายงาน
ผู้บริหารสามารถสร้างสารสนเทศที่คิดว่ามีประโยชน์เพื่อช่วยในการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี
DSS เป็นระบบสารสนเทศแบบโต้ตอบได้ ช่วยในการตัดสินใจของคน
ช่วยในการวิเคราะห์งานได้ดีโดยช่วยให้คนรู้จักข้อมูลและรู้จักใช้ตัวแบบ (Model)
ของคอมพิวเตอร์ในการแก้ปัญหา ช่วยผู้บริหารในการทดสอบทางเลือกเพื่อตัดสินใจ
ทำให้ทราบว่าการเลือกทางเลือกนั้นจะเกิดอะไรขึ้น
ีการนำสารสนเทศที่เตรียมได้จากระดับล่างขององค์กรและสารสนเทศภายนอก
มาช่วยสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อให้ได้ผลใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด
สามารถทำนายแนวโน้มของตลาดได้ ทำให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลักษณะการตัดสินในระดับนี้ จะค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อนมากกว่าการตัดสินใจในระดับล่าง
4. ระบบสารสนเทศสำนักงาน (OIS : Office information Systems) เป็นระบบการจัดการสารสนเทศในสำนักงานโดยใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในสำนักงาน เช่น
อุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์ ระบบอินเทอร์เน็ต (Internet) การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
(E-mail) ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ โมเด็ม (Modem) โทรศัพท์ เครื่องโทรสาร เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น
เพื่อใช้เกี่ยวกับงานประมวลผลคำ งานพิมพ์ตั้งโต๊ะ งานส่งข่าวสารข้อมูลและอื่น ๆ
เป็นระบบเกี่ยวกับการผลิตเอกสาร การติดต่อประสานงานโดยเกี่ยวข้องกับระบบ TPS
และ MIS เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในงาน
บริหารในสำนักงานเพื่อเป็นประโยชน์ในการทำงาน
ตัวอย่างระบบ DSS ภายในโรงงานแห่งหนึ่ง
ความแตกต่างของระบบสารสนเทศ MIS ,DSS และ EIS
ระบบสารสนเทศ MIS ,DSS และ EIS ทั้ง 3 ระบบนี้ ถือเป็นระบบสารสนเทศที่เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของเหล่าผู้บริหารขององค์กรทั้งสิ้น
ซึ่งในแต่ละระบบก็จะมีความสามารถ และการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
ความแตกต่างนั้นยังรวมไปถึงความเหมาะสมของการเลือกใช้งานของผู้บริหารแต่ละระดับอีกด้วย
ซึ่งความแตกต่างในแต่ละอย่างสามารถแยกออกมาได้ ดังนี้
1.ความแตกต่างด้านการใช้งาน
MIS เป็นระบบสารสนเทศแบบรายงานเพื่อการจัดการ
เป็นระบบช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับงานที่มีโครงสร้างชัดเจน
ทำให้ทราบถึงสถานการณ์ล่วงหน้าว่าจะมีโอกาส หรือปัญหาใดเกิดขึ้นบ้าง
เพราะงานเหล่านั้นเป็นงานที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ
DSS เป็นระบบสาระสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
เกี่ยวกับงานหรือแผนที่ไม่มีโครงสร้างและไม่ได้คาดการณ์มาก่อน
ซึ่งเป็นงานที่ต้องการความรวดเร็วในการตัดสินใจ
EIS เป็นระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร เป็นระบบใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับแผนกลยุทธ์เฉพาะเรื่องที่มีความสำคัญต่อองค์กร
2.ความแตกต่างด้านผู้ใช้งาน
MIS ผู้ใช้งาน คือ ผู้บริหารทุกระดับในองค์กร
DSS ผู้ใช้งาน คือ ผู้บริหารตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงระดับสูง
EIS ผู้ใช้งาน คือ ผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น
3.ความแตกต่างด้านการเก็บข้อมูลและประมวลผล
MIS ดึงข้อมูลจากส่วนกลางที่เป็นฐานข้อมูลเก่าขององค์กรมาวิเคราะห์
DSS ใช้ตัวแบบ (Model) มาประมวลผลและแก้ปัญหา
โดยข้อมูลมาจากทั้งภายในและภายนอก
EIS ใช้ตัวแบบ (Model) มาประมวลผลเหมือนกับ DSS
เพราะเป็นหนึ่งในระบบเดียวกัน
4.ด้านระบบและการแสดงผล
MIS ระบบจะพิมพ์รายงานออกมาตามกำหนด รูปแบบโดยทั่วไปจึงเป็นเอกสาร
DSS ระบบเป็นแบบ Online การแสดงผลสามารถทำได้ทันทีทันใดโดยผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
และสามารถปริ้นได้
TPS เป็นระบบสารสนเทศที่เกี่ยวกับการบันทึกและประมวลข้อมูลที่เกิดจากธุรกรรมหรือการปฏิบัติงานประจำหรืองานขั้นพื้นฐานขององค์การ
เช่น การซื้อขายสินค้า
เมื่อใดก็ตามที่มีการปฏิบัติงานในลักษณะดังกล่าวข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะเกิดขึ้นทันที
เช่น ทุกครั้งที่มีการขายสินค้า ข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คือ ชื่อลูกค้า
ประเภทของลูกค้า จำนวนและราคาของสินค้าที่ขายไป รวมทั้งวิธีการชำระเงินของลูกค้า ซึ่งมีความเกี่ยวข้องในการเป็นส่วนสนับสนุนการทำงานของระบบสารสนเทศต่างๆ เช่น MIS ,DSS และ EIS เพราะ TPS มีหน้าที่ในการจัดกลุ่มข้อมูลที่มีลักษณะเหมือนกันไว้ด้วยกัน ช่วยคิดคำนวณ เรียงลำดับ สรุป และจัดเก็บข้อมูลไว้เพื่อให้ระบบสารสนเทศดังกล่าวได้ดึงข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการช่วยตัดสินใจของเหล่าผู้บริหาร
ตัวอย่างโปรแกรม DSS ที่ชื่อ OLAP สำหรับใช้ในการคำนวณในรูปแบบต่างๆ
แหล่งค้นหาข้อมูล
1. http://www.bizcom.dusit.ac.th/Web_MIS/D1/D1_48132792198_VORAPOL_WK3/D1_48132792198_VORAPOL_WK3.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น